วันอังคารที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒

Cape Diem – Seize The Day – จงฉกฉวยวันเวลาเอาไว้

เคยตกอยู่ในสถานการณ์นี้ไหมครับ

คุณกำลังสองจิตสองใจระหว่าง จะทำหรือไม่ทำ

ผมเคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้บ่อยครั้งมาก ผมกำลังตัดสินใจว่าจะวิ่งไปขึ้นรถเมล์ที่จอดเลยป้ายไปไกลดีไหม ผมชั่งใจว่าจะคุยกับผู้หญิงที่รู้สึกดีด้วยซึ่งเดินผ่านหน้ากันที่ห้างสรรพสินค้าดีหรือเปล่า ผมคิดกลับไปกลับมาว่าจะยอมรับความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผมสร้างขึ้นหรือผ่านเลยไปดี

หลาย ๆ ครั้ง ผมตัดสินใจทำไป เดินหน้าลุยไปในสถานการณ์สองจิตสองใจ แต่อีกหลาย ๆ ครั้งผมก็คิดมากไปทำให้ยังต้องกลับมาคิดจนถึงทุกวันนี้ว่า ถ้าผมตัดสินใจทำไปจะเกิดอะไรขึ้น

เคยดูหนังเรื่อง Sliding Door ไหมครับ มันเป็นเรื่องของการช้าหรือเร็วไปเพียงชั่ววินาทีที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตที่เหลืออยู่ของนางเอกในเรื่อง ในหนังฉายให้เห็นถึงสองสถานการณ์ สถานการณ์แรกนางเอกขึ้นรถไฟทันก่อนที่ประตูรถไฟจะปิด ทำให้เธอไปทำงานไม่สาย และใช้ชีวิตไปอย่างเรื่อย ๆ โดยไม่รู้อะไรต่าง ๆ นานาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังชีวิตคู่ที่แสนสวย แต่อีกสถานการณ์หนึ่ง นางเอกของเรื่องขึ้นรถไฟไม่ทัน เธอไปทำงานไม่ทัน เธอหัวเสีย และเธอตัดสินใจกลับบ้าน เมื่อถึงบ้าน สิ่งที่เธอเห็นคือ แฟนหนุ่มของเธอกำลังเริงรักอยู่กับชู้ หรือ กิ๊กที่เราชอบเรียกกัน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของชีวิตคู่ของเธอ

ถ้าเป็นคุณ คุณคิดว่า คุณเลือกที่จะไปทำงานทันแล้วไม่รู้อะไรในชีวิต แต่คุณยังสามารถใช้ชีวิตคู่ต่อไปได้อย่างมีความสุข หรือคุณจะเลือกที่จะไม่ไปทำงานแล้วต้องสูญเสียชีวิตรักไปด้วย

ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจและคาบเกี่ยวเช่นนี้ หลาย ๆ ครั้งผมก็ตัดสินใจถูกที่จะเดินหน้าต่อไป และหลาย ๆ ครั้งผมก็คิดว่า ผมน่าจะเหยียบเบรกชีวิตบ้าง

มีคำปลอบใจที่ว่า ทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ รวมถึงการที่ไม่ต้องมาตั้งคำถามในอีก 40 – 50 ปีข้างหน้าว่า ถ้าวันนั้นเราตัดสินใจทำไปชีวิตจะเป็นอย่างไรอีก

แต่หลายครั้งเช่นกัน โอกาสนั้นหวนกลับคืนมาให้เราตัดสินใจใหม่ หลายครั้งเราก็ยังตัดสินใจเหมือนเดิม และหลายครั้งเราก็ได้แก้ตัวกับความผิดพลาดในอดีต

ผมเคยนั่งอ่านบทวิจารณ์หนังสือเล่มหนึ่งแล้ว ผมอยากอ่านมันมาก แต่แล้วผมก็ไม่ได้ไปซื้อหนังสือเล่มนี้ รวมถึงไม่ได้จดชื่อหนังสือ เรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ตกตะกอนอยู่ในใจเป็นเวลาห้าถึงหกปีโดยที่ผมทำอะไรไม่ได้เพราะไม่รู้จะไปอธิบายให้ใครฟังได้อย่างไรว่าต้องการหนังสือเล่มนี้ เมื่อผมนึกถึงครั้งใดก็ยังเสียใจที่ไม่ได้จดชื่อหนังสือเล่มนั้นไว้ แล้ววันหนึ่ง ร้านหนังสือ Asia Books ก็เอาหนังสือมาลดราคาในช่วงสิ้นปี ผมเจอหนังสือเล่มนี้โดยบังเอิญ มันวางอยู่เดี่ยว ๆ เล่มเดียวในกองหนังสือมากมายมหาศาล ผมยื่นมือไปหยิบมันขึ้น แล้วความทรงจำในคืนหนึ่งที่ผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ในคาสิโนก็ผุดขึ้นมา หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นพูดถึง The Memory of Running

นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องราวยิ่งใหญ่มโหฬาร แต่มันเป็นตะกอนที่กวนให้ใจผมหวนคิดคำนึงถึงมันเป็นเวลาหลายปี

ใช่ครับ โอกาสที่หวนกลับมาให้แก้ตัวของผมครั้งนี้ ผมไม่ปล่อยมันให้หลุดลอยไปอีก

เช่นเดียวกับอีกหลาย ๆ โอกาสที่หวนกลับมาให้ผมแก้ตัว และผมกัดมันไม่ปล่อย

คนรักที่หวนคืนมา หน้าที่การงานที่เข้ากับตัวผม และการขีดเขียนหนังสือ

จงฉกฉวยวันเวลานั้นเอาไว้ครับ เพราะคุณไม่รู้หรอกว่า คุณจะมีโอกาสได้ฉกฉวยมันอีกหรือเปล่า ในชั่วชีวิตที่เหลือ

หมายเหตุ: Carpe diem หรือ คา – เพ – เดียม เป็นวลีจากบทกวีในภาษาลาติน ซึ่งมักจะแปลว่า Seize the day หรือ จงฉกฉวยวันเวลาเอาไว้ โดย Horace ซึ่งเป็นผู้แต่งบทกวีนั้นใช้คำนี้ในความหมายของการให้ฉกฉวยช่วงเวลาที่ดี ๆ ของชีวิตเอาไว้
วลีนี้มาดังเป็นพลุแตกจากภาพยนตร์เรื่อง Dead Poets Society ซึ่งคุณครูจอห์น คีทติ้งพยายามกระตุ้นให้เด็ก ๆ ของเขาให้ลุกขึ้นทำสิ่งที่พวกเขาคิดว่าดี และเขาก็เชื่อในตัวเด็กนักเรียนของเขาเป็นอย่างมาก
“ ... ฟังสิ ได้ยินไหม คา – เพ ฟังสิ คา – เพ คา – เพ – เดียม – เด็ก ๆ พวกเธอต้องฉกฉวยวันเวลานี้ไว้ ใช้ชีวิตของพวกเธอให้วิเศษที่สุด...”
ผมมาอ่านเจอวลีนี้อีกครั้ง ในหนังสือ “โตเกียวไม่มีขา” ของ นิ้วกลม แล้วผมก็ฉกฉวยวันเวลาเอาไว้อีกครั้งหนึ่ง

๗ ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

เห็นด้วยกับการที่จะต้องฉกฉวยวันเวลาเอาไว้ และเป็นจริงค่ะที่บางเรื่องจะตามติดไปกวนใจเรา และจะมีคำถามเล็กๆ สะท้ิิอนดังเหมือนเสียงกระซิบในใจว่า ทำไมทำล่ะ ตอนนั้น ทำไมไม่ทำ ถึงจะเป็นเสียงกระซิบเล็กๆ บางเบาแต่มีความหมาย แต่จริงๆ แล้วในบางครั้งที่เราก็ตัดสินใจจะไม่ฉกฉวยอาจสิ่งที่เราเลือกตัดสินใจแล้ว ยังไงก็ดีในตอนที่เราตัดสินใจเราก็ไม่ได้ทราบถึงว่าสิ่งที่ตามมาจะเป็นอย่างไรอยู่ดีใช่มั๊ยคะ ดังนั้น การฉกฉวยเวลาที่สำคัญสำหรับเราเอาไว้ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร แต่มันอยู่ที่เราตัดสินใจ ว่าจะทำหรือไม่ทำมันตอนนั้นกันแน่ อยู่ที่ตัวคุณค่ะ บางทีการเลือกที่จะไม่คว้าเอาไว้หรือคว้าเอาไว้อาจเป็นสิ่งที่มีความหมายกับตัวคุณได้ทั้งนั้น ส่วนเรื่อง Dead Poets Society นี่เคยดูค่ะ จำได้ว่าซื้งและครูจอร์น คีทติ้งเป็นครูที่แสนจะหายากมากๆ ค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ดีใจด้วยนะพี่ ที่ได้เติมเต็มในสิ่งที่หายไป ทำให้วันนี้มีแล้วในสิ่งที่ต้องการ

Odysseus กล่าวว่า...

ความสมบูรณ์ทางด้านจิตใจ อาจจะมีผลต่อการขีดเขียนที่ขาข้างหนึ่งยืนอยู่บนพื้นที่แห่งอารมณ์ก็เป็นได้...

สองบทความล่าสุด... ผมชอบจริงๆแฮะ

Unknown กล่าวว่า...

ชอบเรื่องนี้มาก โดน ใจมาก ๆ และเห็นด้วยกับบทความนี้ เราว่าชีวิตของคนทุกคน รวมทั้งตัวเราด้วย ต่างก็มีช่วงเวลาที่ทำ และไม่ได้ทำ เหมือนกัน และมีช่วงเวลาที่คิดว่าควรทำ หรือ ไม่ควร และบางทีคิดว่าจะทำ แต่ก็ไม่มีโอกาส หรือที่เรียกว่า เวลา นั้นแล้ว เหมือนกับบทความนี้ เพราะฉะนั้น ถ้ามีเวลาที่เราอยากจะทำแต่ไม่ได้ทำ ย้อนกลับมา เราก็ควรจับมันไว้ให้อยู่ ก่อนจะมาคิดว่าสายเกินไป และเราก็คงดีใจมาก ๆ ที่ได้ทำมัน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

Ku-Ma-O,ขอบคุณค่ะ ในภาษาเกาหลี (อิอิ)
"พอดีตอนนี้ติด Series"
จิงๆ เป็นเรื่องหนึ่งในหลายๆเรื่องที่เราอาจลืมไปแล้ว กับเวลาที่ผ่านไปแล้วไม่หวนกลับมา และเราได้คิดถึงมันอีกครั้งผ่านตัวอักษรและเรื่องราวสั้นๆเพียงไม่กี่บรรทัด
แปลกจัง!! ทุกคนมีเวลาใน 1 วันเท่ากันคือ 24 ชั่วโมง แต่ทำไมการใช้ชีวิตของแต่ละคนใน1วัน มีความทรงจำดีๆ ไม่เท่ากันน้า....

ป่าน ,, กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ นะคะ
ติดใจมานานแล้วว่า
seize the day แปลว่าอะไร
เพิ่งได้มารู้ความหมายจริงๆก็วันนี้

หนังที่พูดถึงน่าดูจังค่ะ
ไว้จะลองหามาดูนะ ^^


btw, seize the day :D

elipsis กล่าวว่า...

ส่วนตัวผมพบประโยคนี้ในเพลง A Change Of Seasons คับและวันนี้ Dream Theater มาแสดงสดที่ประเทศไทยด้วยคับ ^^