วันอาทิตย์ที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

มายาภาพใหม่: การเมืองใหม่ภาค 111

ก่อนอื่นขอเล่าถึงที่มาที่ไปของบทความนี้ก่อนนะครับ

ปีนี้เพื่อนร่วมห้องเรียนสมัยมัธยมของผมเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงรุ่นครับ ผมก็เป็นเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งเพียงแต่ไม่ค่อยได้ช่วยเหลืองานอะไรสักเท่าไรนัก นอกจากงานหนึ่งคือการช่วยเขียนบทความในธีมหลักว่า "มองไปข้างหน้า" และเนื่องจากรุ่นที่ผมร่วมอยู่ด้วยนั้น คือ รุ่น 111 นั่นเลยกลายเป็นที่มาของ "มายาภาพใหม่: การเมืองใหม่ภาค 111" ครับ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจนะครับ ถ้าเห็นสรรพนาม "เรา" หรืออะไรก็ตามที่รู้สึกไม่คุ้นชิน นั่นคือ ผมต้องการสื่อสารถึงเพื่อนในรุ่นน่ะครับ

เร็วนะครับ อยู่ดี ๆ ผมจบมัธยมปลายมาเกือบ 15 ปีแล้วครับ

รู้สึกแก่แล้วจริง ๆ

...........


มายาภาพใหม่: การเมืองใหม่ภาค 111

คนที่เกิดช่วงหลังยุคเหตุการณ์สิบสี่ตุลาต่อเนื่องไปถึงหกตุลาอย่างพวกเรานั้น อาจจะเรียกว่าเป็นคนกลุ่มที่น่าอิจฉา และน่าสงสารไปในเวลาเดียวกัน น่าอิจฉาในแง่ที่ว่าเราได้มีประสบการณ์ตรงโดยอยู่ร่วมในเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของประเทศชาติและของโลกนับจากช่วงเวลาเกิดจนถึงวันเริ่มต้นชีวิตในแต่ละช่วงวัย ระหว่างที่เรากำลังเริ่มรู้ความกันในสมัยประถมการประกาศลดค่าเงินบาทของพลเอกเปรมก็ทำให้ชีวิตเราสะดุดกึกไป พร้อม ๆ กับเหตุการณ์ปฏิวัติรัฐประหารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราก็เด็กเกินกว่าจะรับรู้ถึงผลกระทบ พอเรารู้ความในระดับที่ก่อให้เกิดอุดมการณ์ได้
เหตุการณ์พฤษภาทมิฬก็เกิดขึ้นมาท้าทายจิตสำนึกของเรา แต่เมื่อเรากำลังจะเรียนจบเพื่อเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจร้อนแรงที่รอเราอยู่ข้างหน้า เราก็ถูกรับน้องด้วยการลอยค่าเงินบาทของพลเอกชวลิตทันที น่าสงสารตรงที่ว่า พวกเราไม่สามารถมีส่วนในการตัดสินใจอะไรในสถานการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ได้เลย

การมองโลกทั้งในแง่เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมของคนในรุ่นเรา ๆ จึงอาจจะแตกต่าง, กร้านโลก หรือแลดูปลงกับสถานการณ์มากกว่าคนรุ่นอื่น ๆ ไม่รู้ผมเขียนเกินจริงไปหรือเปล่า แต่คืนหนึ่งผมฝัน ผมฝันเห็นอนาคตที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าต่อไปอีกไม่กี่ปี ในห้วงยามที่คนของเราบางส่วนอาจจะเริ่มได้มีโอกาสตัดสินชะตาชีวิตของเราเองบ้าง

ผมฝันว่าการเมืองของเรากำลังจะถึงจุดเปลี่ยนผ่านภายใต้การเรียนรู้จากห้องเรียนในชีวิตจริงอย่างเข้มข้น สังคมแบบแย่งฝ่ายแบ่งข้างกำลังจะปัดกวาดนักการเมืองโบราณในโลกเก่าให้หายไป และสร้างนักการเมืองกลางเก่ากลางใหม่ รวมถึงลูกหลานนักการเมืองโลกเก่า และนักการเมืองรุ่นใหม่แกะกล่องเข้ามาครอบงำการเมืองอย่างแนบเนียนขึ้น
แน่นอนว่าผมเห็นเพื่อนของเราบางคนไปยืนในจุดนั้น บ้างก็ทำในสิ่งที่เรารังเกียจรังงอนมาตลอด บ้างก็พยายามสร้างวาทกรรมใหม่ ๆ และอีกหลาย ๆ คนผมก็ไม่เข้าใจว่าเค้าเข้าไปทำอะไร

ผมเห็นการตลาดทางการเมืองที่มาสร้างหน้ากากครอบงำให้ตัวละครทางการเมืองและประชาชนในสังคมให้จับกันไม่ได้ ไล่กันไม่ทัน ก่อนที่สำนึกทางการเมืองจะถูกสร้างขึ้นบนรากฐานที่เข้มแข็งต่อเนื่องและยาวนานพอสมควร สังคมการเมืองจะถูกแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนขึ้น พร้อม ๆ กับที่กลุ่มคนสีเทาจะมาเพิ่มพื้นที่สัดส่วนในสังคม คนกลุ่มหนึ่งจะมีอุดมการณ์มั่นคง คนกลุ่มหนึ่งจะเป็นไม้หลักปักขี้เลน และคนกลุ่มใหญ่เก็บอุดมการณ์ไว้ในลิ้นชัก เมื่อจำเป็นค่อยเปิดลิ้นชักออกมาอ้างอุดมการณ์เป็นระยะ ๆ

โลกการเมืองระดับประเทศเสื่อมลงขณะที่เส้นแบ่งอาณาเขตพื้นที่ประเทศก็จางลงไปเช่นกัน ผมฝันว่าเราคงจะไม่ลากรถถังออกมาสู้รบชิงปราสาท ภูเขา หรือแม้กระทั่งหนองน้ำเล็ก ๆ กันอีกแล้ว ประเทศจะรวมกันเป็นกลุ่มประเทศที่มีเส้นแบ่งความเป็นชาติบาง ๆ มีความเป็นภูมิภาคเข้มขึ้น พร้อม ๆ กับการแสดงตัวตนทั้งในแง่ปัจเจกชนและท้องถิ่นนิยม
รถถังจะถูกใช้ในงานวันเด็กและสำหรับวาดเสือให้วัวกลัว ทหารจะกลับที่ตั้งและเป็นหลังพิงให้ประชาชนอุ่นใจ และนัก การเมืองก็จะพยายามทำให้ทหารทำหน้าที่ยืนเฝ้ารั้วบ้านเท่านั้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียว ๆ กัน จะเกาะกลุ่มกันแน่นหนาขึ้นและมีความเข้มแข็งขึ้นโดยอาศัยการสร้างเครือข่ายผ่านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเครือข่ายการสื่อสารไร้พรมแดน ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะมาเพิ่มบทบาทพื้นที่ทางการเมืองภาคประชาชนให้เข้มแข็งขึ้น

ความวุ่นวายทางการเมืองอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผนวกกับการรุมเร้าทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นยาวนานพอ สมควร ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มเหนื่อยล้า หมดแรง และสิ้นหวัง วาทกรรมทางเศรษฐกิจการเมืองว่าด้วยเอสเอ็มอี
สร้างมนต์สะกดได้เพียงระยะสั้น ๆ แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าในเอสเอ็มอีนั้น เอสอยู่ยาก ต้องเอ็มขึ้นไปถึงจะอยู่รอด ก็ทำให้แสงสว่างปลายอุโมงค์ดับวูบไป อย่างไรก็ดี โอกาสที่เกิดขึ้นกับคนไม่กี่คนกี่กลุ่มก็ช่วยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ สร้างความหวังให้คนหมู่มากได้มองโลกในแง่ดีอยู่บ้าง แต่ความไม่มั่นคงที่เกิดขึ้นก็ทำให้คนหันมามองตัวเอง มองกลุ่มของตน มากกว่ามองเพื่อคนส่วนรวม นั่นทำให้การสร้างเครือข่ายมีความสำคัญพอ ๆ กับการพิสูจน์ถึงความสำเร็จส่วนตัว หนังสือฮาวทูปกใหม่ ๆ จึงยังคงคลอดออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่องแม้ว่ากว่าครึ่งของมันใช้การไม่ได้กับสภาพแวดล้อมเฉพาะของแต่ละบุคคล หนังสือจิตวิทยายังคงขายดีเพียงเพราะคนต้องการเข้าถึงจิตใจคนอื่นรอบตัว
และหนังสือธรรมะจะยังเป็นหลังอิงที่แข็งแรงสำหรับคนส่วนใหญ่ที่ขาดที่พึ่งและไม่มีคนเข้าข้างตัวเอง

ความผันผวนของเศรษฐกิจไทยที่มีเศรษฐกิจโลกเป็นดัชนีชี้นำภายใต้การครอบงำอย่างเบ็ดเสร็จของการเก็งกำไรในหลากหลายรูปแบบและมากชั้นระดับของการเก็งกำไรจะยังคงอยู่ แต่โมเมนตัมของเศรษฐกิจโลกจะเกิดแรงเหวี่ยงครั้งสำคัญให้สลับมาอยู่ทางฝั่งเอเซียบ้าง แต่เศรษฐกิจเอเซียก็ยังอ่อนแอเกินกว่าจะอยู่ได้ด้วยตัวเอง ทำให้ผู้กุมเศรษฐกิจฝั่งตะวันตกยังต้องเป็นพี่เลี้ยงและทำหน้าที่เป็นผู้จัดการเศรษฐกิจเอเซียแทน การควบคุมการข่าวและการตลาดช่วยสร้างมายาภาพทางเศรษฐกิจจนทำให้ผู้คนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรคือจริงคือลวง บางครั้งลวงกลับจริงและจริงกลับกลายเป็นลวง การยอมรับและปรับตัวเข้ากับสังคมมายาภาพเพื่อสร้างเศรษฐกิจมายาภาพกำลังจะทำให้ทุกคนกลายเป็นนักแสดงในชีวิตจริง

เราพร้อมจะบีบน้ำตาหน้าจอทีวีเพื่อสร้างฉากดรามาโดยมีวาระซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังพฤติกรรมต่าง ๆ การแสดงละครเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในชีวิต การสร้างภาพลวงตาลวงใจกลายเป็นเครื่องมือในการสร้างความกล้าให้เกิดขึ้น ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดจะถูกนำมาใช้อย่างบ่อยครั้งจนกลายเป็นกระแสหลัก นั่นทำให้ภาพที่เห็นในชีวิตจริงจะเกิดจากมายาภาพที่เกิดขึ้นรายล้อมรอบตัวเรา

การเมืองจะกลายเป็นมายา ข้าวปลาก็ไม่มีจริง เราอิ่มทั้ง ๆ ที่เรายังหิว เรายิ้มทั้ง ๆ ที่น้ำตาเราไหล แต่ทุกคนกลับยอมรับภาพมายาเหล่านั้น ร่างกายจึงทรุดโทรม จิตใจก็ห่อเหี่ยวเพราะร่างกายและจิตใจซื่อกว่าความคิดและจินตนาการ

ผมตื่นขึ้น และมองเห็นภาพเหล่านั้นเบื้องหน้าทันที

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สะเทือนอารมณ์พอสมควรเลยพี่